หากใครที่เคยได้ไปเยือนญี่ปุ่น หรืออาจจะดูผ่านสารคดีต่าง ๆ ก็มักจะเห็นการแต่งกายของหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นที่แปลกหูแปลกตาไป ซึ่งนั่นถือเป็นหนึ่งใน ‘วัฒนธรรมย่อย’ แต่บางวัฒนธรรมก็อาจจะไปขัดกับสภาพสังคมไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่ (ไทยก็มีเหมือนกันนะ)
วัฒนธรรมย่อย ญี่ปุ่น คืออะไร?
ก่อนอื่นเราขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับวัฒนธรรมย่อยกันสักหน่อย วัฒนธรรมย่อย มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Subculture ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาแบบเฉาะกลุ่ม มีส่วนประกอบสำคัญที่เกี่ยวกับเพศ อายุ อาชีพ เชื้อชาติ ความคิด หรือทัศนคติ ก็เป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกิดสิ่ง ๆ นี้ได้
และแน่นอนเลยว่าทุกเมืองทั่วโลกมักจะมีวัฒนธรรมเหล่านี้แฝงตัวอยู่เสมอ บ้างก็เปิดเผยออกมา บ้างก็ไม่ได้เปิดเผยออกมาโดยตรง ตัวอย่างเช่น คนบางกลุ่มให้คุณค่ากับสินค้าราคาแพง, บางกลุ่มให้ค่าให้กับสินค้ารถแต่ง, แต่คนบางกลุ่มกลับให้ค่ากับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มากกว่า เป็นต้น

Subculture ญี่ปุ่น ที่ใครเห็นเป็นต้องเหลียวมอง
ซึ่งจากตัวอย่างดังกล่าวก็จะให้เห็นได้ว่าเรื่องนี้มักขึ้นอยู่กับ ‘รสนิยม’ ‘ความต้องการ’ และ ‘บรรทัดฐาน’ ทางสังคมเป็นหลัก ไม่มีอะไรถูกหรือผิด หากแต่ว่าบางเรื่องถ้ามันล้ำเส้นมากเกินไป หรือไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ก็อาจจะเกิดการต่อต้านขึ้นได้
แต่ส่วนใหญ่วัฒนธรรมย่อยของคนทั่วโลก มักมีความเกี่ยวข้องกับดนตรีหรือแฟชั่นต่าง ๆ อย่างประเทศญี่ปุ่นเองก็มีความน่าสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมย่อยอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องแฟชั่นและตัวละคน ที่คนญี่ปุ่นมักแสดงออกผ่านไลฟ์สไตล์ ที่สร้างเอกลักษณ์และสร้างความเป็นญี่ปุ่นได้ดี แต่เดิมอาจไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่ปัจจุบันวัฒนธรรมย่อยเหล่านี้กลับเป็นหนึ่งตัวแปรทางการตลาดและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
แล้ววันนี้เราขอนำเสนอวัฒนธรรมย่อยของญี่ปุ่น ที่ใครเห็นต่างก็รู้มาแต่ไกลว่านี่คือเอกลักษณ์ขึ้นชื่อของชาวญี่ปุ่น จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
Maid café

สำหรับวัฒนธรรมแรกอย่างเมดค่าเฟ่ (Maid café) เป็นวัฒนธรรมย่อยที่ตอนนี้ได้กระจายความนิยมชมชอบไปหลาย ๆ ประเทศ อย่างในประเทศไทยก็มีให้เราได้เห็นด้วยเช่นกัน ซึ่งนี่เป็นรูปแบบคาเฟ่ที่จะมีพนักงานเสิร์ฟหน้าตาน่ารักที่แต่งตัวด้วยชุดกระโปรงคาดผ้ากันเปื้อน ที่นี่จะเรียกพนักงานเสิร์ฟว่าสาวใช้ และจะเรียกลูกค้าผู้ชายว่านายท่าน ส่วนลูกค้าผู้หญิงคือคุณหนู พร้อมกับการบริการที่แสนน่ารัก คำพูดเพราะ ๆ ตามฉบับสาวญี่ปุ่นเลยล่ะ
Lolita

แฟชั่นโลลิต้าเป็นสิ่งที่คนกำลังให้ความสนใจ ซึ่งรูปแบบการแต่งตัวสไตล์นี้จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้ายุควิคตอเรียน และยุคเอ็ดเวอร์เดียน ที่แสดงถึงความเป็นผู้หญิง เน้นการแต่งกายให้ดูอ่อนหวาน น่ารัก น่าเอ็นดู โดยก่อนหน้านี้จะเน้นที่สีหวาน ๆ แต่ต่อมาก็ได้เพิ่มรูปแบบ Gothic Lolita ที่จะเน้นโทนสีมืด ๆ พร้อมกับแต่งหน้าด้วยโทนสีเข้มนั่นเอง
Gal

วัฒนธรรมนี้ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปลายยุค 90 จนถึงต้นปี 2000 คนที่จะเป็นสาวแกลได้จะต้องมีลักษณะสีผิวแทน ย้อมผมด้วยสีแรง ๆ (ส่วนใหญ่เป็นสีทอง) ส่วนการแต่งหน้าก็จะจัดเต็ม ติดขนตาปลอมหนา ๆ ติดเล็บปลอม และสวมเครื่องประดับที่แวววับสะดุดตา
Cosplay

คงไม่มีใครไม่รู้จักการคอสเพลย์อย่างแน่นอน ซึ่งคำ ๆ นี้แท้จริงมาจากการรวมคำของ 2 คำ คือ Costume ที่หมายถึงเครื่องแต่งกาย และ Roleplay ที่หมายถึงการแสดงบทบาท นั่นจึงทำให้เราได้เห็นการแต่งกายที่สวมบทบาทเป็นคาแรกเตอร์ต่าง ๆ เช่น เกม การ์ตูน หรือตัวละครจากภาพยนตร์ ซึ่งการแต่งกายคอสเพลย์ก็ไม่ได้แต่งกันเล่น ๆ นะ เพราะคุณจะต้องสวมบทบาทเป็นตัวละครนั้น ๆ ให้ได้มากที่สุด แถมยังได้ฝึกทักษะการตัดเย็บ ความคิดสร้างสรรค์ และยังได้เจอเพื่อนใหม่อีกด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวัฒนธรรมย่อยของญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยม (ปัจจุบันก็มีให้เห็นอยู่) ที่เรานำมาฝาก หากใครมีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ไม่ต้องตกใจกันนะ เพราะนี่ถือเป็นเรื่องปกติ เป็นเอกลักษณ์ และเป็นวัฒนธรรมเฉพาะตัวของเขาล่ะ ใครอยากไปให้เห็นกับตาเอาเป็นว่าตอนนี้เก็บตังค์ในสล๊อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่น รอไปก่อน โควิดหมดเมื่อไหร่ก็ไปลุยกันเลยค่า