Starbucks ญี่ปุ่น จัดการปัญหาขยะด้วยการลดราคาขนม
หากพูดถึงต้นแบบเมืองสะอาดและการแก้ปัญหาขยะได้ดีติดอันดับโลก ญี่ปุ่นจะต้องเป็นหนึ่งในความคิดแรกของคุณแน่นอน ซึ่งใครที่เคยมีโอกาสได้ไปเยือนญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นช่วงไหน ช่วงไฮท์ซีซั่น โลว์ซีซั่น หรือแม้แต่ช่วงที่จัดโตเกียวโอลิมปิก ก็จะเห็นว่าบ้านเมืองของเขาน่าอยู่ สะอาดหูสะอาดตามากขนาดไหน
อีกทั้งในตอนนี้ปัญหาขยะก็เป็นสิ่งที่คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจและเริ่มแก้ไขปัญหากันอย่างจริงจัง ซึ่งขยะที่ว่านี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ปัญหาขยะพลาสติกเท่านั้น เพราะแม้แต่ ‘อาหาร’ ก็นับว่าเป็นขยะที่ไม่ได้สร้างแค่มลพิษเท่านั้น แต่มันยังเป็นขยะที่มีต้นทุนอีกด้วย

ลดราคาขนมก่อนร้านปิดสูงสุด 20% ที่สตาร์บัคส์ญี่ปุ่น
ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ธุรกิจร้านอาหารในญี่ปุ่นเริ่มออกแคมเปญต่าง ๆ เพื่อหวังจะลดปัญหาดังกล่าว และแน่นอนว่าญี่ปุ่นก็เป็นอีกประเทศที่ไม่ได้มองข้ามปัญหานี้ เพราะล่าสุดร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbucks ญี่ปุ่นก็ได้ออกมาขานรับแคมเปญนี้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งแคมเปญนี้ก็เพิ่งถูกจัดขึ้นแบบสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมานี่เองค่ะ โดยทางสตาร์บัคส์คอฟฟี่เจแปน ได้ประกาศแบบเป็นทางการว่าจะลดราคาเบเกอรี่ที่ใกล้หมดอายุ 20% ก่อนร้านปิด 3 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมเป็นต้นไป ที่สตาร์บัคส์กว่า 1,600 สาขาทั่วญี่ปุ่น เพื่อหวังจะช่วยลดจำนวนการทิ้งขยะอาหาร

โดยสินค้าสตาร์บัคส์ญี่ปุ่นที่ร่วมรายจะมี อาหารบรรจุหีบห่อ, แซนวิช และเบเกอรี่ ส่วนเมนูเครื่องดื่มต่าง ๆ จะไม่ได้เข้าร่วมแคมเปญนี้นะคะ ซึ่งผู้ซื้อสามารถดูสินค้าที่ลดราคาได้จากป้ายหน้าตู้ขนม แต่ก็ใช่ว่าจะลดราคาทั้งตู้หรือมีทุกวัน เพราะทั้งนี้จะต้องขึ้นอยู่กับสต็อคของแต่ละสาขาว่ามีเหลือมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งแคมเปญดังกล่าวสตาร์บัคส์ญี่ปุ่นก็ไม่ได้มาเล่น ๆ หรืออินตามกระแสเท่านั้น แต่เขายังมีเป้าหมายที่จะลดขยะในร้านให้ได้ถึง 50% ภายในปี 2030 เลยนะ โดยก่อนหน้านี้ก็ได้มีการทดลองมาแล้ว (บางสาขา) ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าตลอดระยะเวลา 1 เดือน ได้รับเสียงตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าและพนักงาน นั่นเลยกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ สตาร์บัคส์ ญี่ปุ่น จัดทำแคมเปญนี้อย่างจริงจัง
ลูกค้าญี่ปุ่นบางคนห่วงเรื่องความแออัด
แคมเปญลดราคาขนม 20% ก่อนร้านปิดก็มีเสียงตอบรับจากชาวเน็ตทั้งในด้านบวกและด้านลบ ในด้านบอกคนก็มาชื่นชมความเห็นว่าทางร้านไม่ห่วงภาพลักษณ์ ไม่ต้องเห็นภาพปวดใจในการทิ้งอาหารก่อนร้านปิด และลูกค้าเองก็ยังได้ซื้อสินค้าในราคาที่ถูกลงด้วย

ส่วนความเห็นในด้านบวกก็คือว่านั่นอาจทำให้กำไรของร้านลดลงรึเปล่า หรือบางความเห็นก็คิดว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่แออัดแน่ ๆ เมื่อใกล้จะถึงเวลาของการลดราคาสินค้า เป็นต้น เอาเป็นว่าในความคิดเห็นส่วนตัว (ของเราเอง) คิดว่าเรื่องนี้น่าจะวินวินทั้งสองฝ่ายนะ ลูกค้าเองก็ได้รับของถูกและผู้ขายเองก็ไม่ต้องทิ้งขยะ แถมยังช่วยคืนกำไรให้กับต้นทุนด้วย
แต่ในเรื่องของความแออัดอันนี้เราแอบเห็นด้วยนิดหน่อย แต่ก็คิดว่าสตาร์บัคส์ญี่ปุ่นคงจะแก้ไขปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี หรือหากมีข้อผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้น ก็คงมีวิธีรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน
พนักงานสตาร์บัคส์ญี่ปุ่นเปลี่ยนเครื่องแบบแล้ว รู้ยัง?
และความว้าวของแนวคิดสตาร์บัคส์ญี่ปุ่นยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เพราะล่าสุด Starbucks ญี่ปุ่นมอบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับพนักงาน ด้วยการให้พนักงานชูความเป็นตัวเอง ผ่าน ‘การแต่งตัว’ ซึ่งแต่เดิมพนักงานสตาร์บัคส์จะต้องสวมใส่ชุดพนักงานสีดำเพื่อให้กลมกลืนและเป็นระเบียบ

แต่ทว่าตอนนี้ธีมชุดพนักงานใหม่สตาร์บัคส์ญี่ปุ่นกลับไม่เป็นอย่างนั้น โดยทางร้านได้ยึดเอาแนวคิด ‘ยอมรับในความแตกต่าง’ ทั้งในความแตกต่างของชาติพันธุ์, อายุ, เพศ และความเป็นตัวเอง ที่จะมุ่งเน้นให้พนักงานได้ใส่ชีวิตประจำวันของตัวเองลงไปในเครื่องแต่งกาย เพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างดีและเป็นธรรมชาติมากที่สุด จากผลการทดลองในครั้งนี้พบว่าพนักงานแฮปปี้ขึ้น บริการลูกค้าได้ดีขึ้น แถมมันยังช่วยปิดช่องว่างระหว่างพนักงานและลูกค้าได้ดีอีกด้วยค่ะ
ถือเป็นอีกหนึ่งการเริ่มต้นดี ๆ ของสตาร์บัคส์ญี่ปุ่นที่ไม่ได้ใส่ใจแค่โลกเท่านั้น แต่ยังใส่ใจความรู้สึกของลูกค้าและผู้ให้บริการอีกด้วย ประสบการณ์ที่น่าประทับใจแบบนี้โควิดหมดเมื่อไหร่คงต้องไปชมด้วยตาตัวเองสักครั้งแล้วล่ะ ในช่วงนี้ก็ไถมือถือสมัคร gclub เก็บตังค์กันไปก่อน พร้อมเมื่อไหร่ก็ลุยกันยาว ๆ เลย